Wednesday, June 17, 2015

กินองุ่นอย่าลืมเม็ด เวลากินองุ่นคายเม็ดทิ้งกันหรือเปล่า ?

 
กินองุ่นอย่าลืมเม็ด
เวลากินองุ่นคายเม็ดทิ้งกันหรือเปล่า ?
ใครที่ตอบว่าใช่ ร้องไห้ได้เลย เพราะคุณเพิ่งจะคายของดีที่สุดไปซะแล้ว
เม็ดองุ่นเม็ดเดียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิตามินซี ถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอีถึง 50 เท่า การคายเม็ดออกมาจึงเท่ากับคายตัวยาที่จะช่วยให้คุณมีผิวสวย ลดริ้วรอย ลดฝ้า กระ จุดด่างดำ ป้องกันมะเร็ง โรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับจอประสาทตาด้วย...
... ไม่ต้องไปซื้อสารสกัดจากเมล็ดองุ่นให้เปลืองเงิน กินเม็ดสดๆ นี่ล่ะเวิร์คสุ

สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินCถึง 20เท่า
1 การลดลงของความเสี่ยงของมะเร็ง — โรคมะเร็งและจังหวะมีทั้งที่เกิดจากสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดไม่ดีและนักวิจัยพบว่าการรักษาความมหัศจรรย์นี้แปลกจริงสามารถย้อนกลับความเสี่ยงที่หลาย ๆ คนได้และสมบูรณ์กำจัดโอกาสในการรับโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดไม่ดี สุขภาพ
2 ลดความดันโลหิตสูงใน — ความดันโลหิตสูงเป็นสิ่งที่คนนับล้านต้องจัดการกับ, และสารสกัดนี้จะช่วยป้องกันการว่าด้วยการย้อนกลับของคราบจุลินทรีย์อย่างสมบูรณ์สร้างขึ้นในผนังหลอดเลือดแดง
3 เพิ่มการเผาผลาญอาหาร — หลายคนเห็นการเพิ่มขึ้นในอัตราการเผาผลาญซึ่งจะช่วยในการลดเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย
4 เพิ่มวิสัยทัศน์ — คนที่ได้รับอาหารเสริมบางครั้งได้สังเกตเห็นการเพิ่มขึ้นในการมองเห็นโดยรวมและมีความเข้มแข็งแม้ประสาทตา
5 การส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน — ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้รับเพิ่มมากเพราะโดยรวมของสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในสารสกัดของตัวเอง
6 เพิ่มความแข็งแกร่ง — มีการไหลเวียนที่ดีกว่ากลุ่มกล้ามเนื้อสามารถรับออกซิเจนมากขึ้นเนื่องจากการไหลเวียนที่ดีขึ้นของขอบคุณสีแดงเลือดเซลล์เพื่อลดการเกิดคราบสร้างขึ้นเพื่อให้การออกกำลังกายได้นานและได้รับผลกระทบมากขึ้น
"จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าสารสกัดที่ได้ จากเมล็ดองุ่นสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ เมื่อนำมาศึกษาในหนูทดลองซึ่งมีการให้อาหาร ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง พบว่าสารสกัดจากเมล็ดองุ่นมีฤทธิ์ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ได้ รวมทั้งยังป้องกันเบต้าเซลล์ซึ่งเป็นเซลล์ที่อยู่ในตับอ่อน มีหน้าที่ในการสร้างฮอร์โมนอินซูลิน ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานจะมีฮอร์โมนอินซูลินน้อย หรือตับอ่อนสร้างฮอร์โมนชนิดนี้ไม่เพียงพอ รวมถึงฮอร์โมนอินซูลินในร่างกายผู้ป่วยทำงาน ได้ไม่ดี" บทความจาก อ.ดร.สุวิมล ทรัพย์วโรบล
“ความชรา” มัจจุราชเงียบที่แฝงอยู่ในตัวเราอย่างที่เราไม่รู้เนื้อรู้ตัว เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากพานพบ แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะเป็นวัฏจักรความเสื่อมของร่างกายตามธรรมชาติที่พกพาเอาโรคต่างๆ ตามมาด้วย เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ ปวดข้อ ปวดเข่า นอนไม่หลับ ต้อกระจก โรคอ้วน ฯลฯ
สาเหตุของความชราที่นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ คือ “ฟรีแรดดิคอล” (Free Radical) หรือ “อนุมูลอิสระ” ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาขณะที่เรามีชีวิตจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation) คล้ายๆ กับการเกิดสนิมในเนื้อเหล็ก หรือการที่ปอกแอปเปิลทิ้งไว้ในอากาศ แล้วพบว่าเนื้อแอปเปิลจะมีสีดำ แต่ถ้าแช่แอปเปิลที่ปอกแล้วในน้ำมะนาวก็จะไม่ดำ เนื่องจากวิตามินซีในน้ำมะนาวเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ “แอนตี้ออกซิแดนท์” นั่นเอง
สารก่ออนุมูลอิสระที่มีผลต่อร่างการเรามีอยู่ทั่วไป ทั้งในน้ำ อากาศ อาหาร ฝุ่น ควัน หรือแม้แต่แสงแดด สารมี ผงซักฟอก ซึ่ง ดร.เจฟรีย์ แบลนด์ (Jeffery Bland) นักเคมีและนักโภชนศาสตร์ พบว่า ผลกระทบที่เกิดจากอนุมูลอิสระทำให้เกิดโรคกว่า 60 ชนิด คือ โรคภูมิแพ้ ปวดข้อ ข้อเข่าเสื่อม ต้อกระจก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันในหลอดเลือด โรคหัวใจขาดเลือด ต่อมลูกหมากโต ความเหี่ยวย่นของผิว ฯลฯ
ยังเป็นโชคดีของมนุษย์ที่อาหารในธรรมชาติ เช่น พืช ผักผลไม้ ที่เรารับประทานกันอยู่ในปัจจุบันมี “พฤกษเคมี” ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนติออกซิแดนท์ เช่น พวกวิตามิน เกลือแร่ สารเฟลโวนอยด์ ฯลฯ ที่ร่างกายต้องการ แม้ในปริมาณไม่มากนัก แต่มีความจำเป็นต่อการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ที่ควบคุมการทำงานของเซลล์ในร่างกาย ซึ่งได้แก่ กลุ่มวิตามิน เช่น วิตามินเอ ซี อี ซีลีเนียม สารมีแดง คาร์โรตินอยด์ ในพืชพักผลไม้ เช่น แครอท มะละกอ ฯลฯ
และแหล่งใหญ่ที่มีสร้างต้านอนุมูลอิสระมากอีกแหล่งหนึ่ง ก็คือ สารกลุ่มเฟลโวนอยด์ที่พบมากในเมล็ดและเปลือกขององุ่น มีสารเฟลโวนอยด์(Flavonoid) ที่เรียกว่า “โปรแอนโธไซยานิดิน” สารนี้เมื่อรวมตัวกันจะอยู่ในรูปของ “โอริโกเมริค โปรแอนโธไซยานิดิน” (Oligomeric proanthocyyanidin) หรือเรียกย่อๆ ว่า OPC มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและมากกว่าวิตามินอีถึง 20 และ 50 เท่าตามลำดับ
บางทีเรียกกันว่า “ซูเปอร์แอนติออกซิแดนท์” (Superantioxidant)
สารสกัดเมล็ดองุ่น หรือ OPC นี้ยังพบในเปลือกต้นมะนาว ถั่วลิสง เชอรี่ เปลือกส้ม เปลือกและเมล็ดองุ่น (สีแดงจะมีมากกว่า) ในประเทศทางยุโรป เช่น ฝรั่งเศสจะใช้สารสกัด OPC จากเมล็ดองุ่นและเปลือกต้นสนที่อุดมด้วยวิตามินซีมาใช้เป็นยารักษาโรค และในสหรัฐอเมริกา สารสกัดจากเมล็ดองุ่นก็ติดอันดับ 1 ใน 10 ยาสมุนไพรที่ขายดีที่สุด
จากการวิจัยของ นพ.คล๊าก แฮนเซน พบว่า สารสกัดจากเมล็ดองุ่นมีฤทธิ์ลดอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินซีและอี นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างเสริมสารคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผวิหนังแข็งแรงและยังลดการทำงานของเอนไซม์ที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย และในระยะหลังๆ ตั้งแต่ปี 1980 พบว่า มีการใช้สารกลุ่มไบโอเฟลโวนอยด์ที่เป็นสารสกัดเมล็ดองุ่นในการรักษาความผิดปกติของหลอดเลือดและเส้นเลือดฝอย เส้นเลือดฝอยเปราะ และใช้รักษาเบาหวานขึ้นตาและจอประสาทตาเสื่อม นอกจากนี้ คุณสมบัติในการเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ยังอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบ ลดภูมแพ้จากยาต้านไวรัส ยาต้านมะเร็ง และเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย
การเลือกใช้สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ต้องดูปริมาณของสารออกฤทธิ์ เพื่อให้ได้ผลคุ้มค่า คือ ควรมีปริมาณสาร OPC สูงประมาณ 92-95% ขนาดที่ใช้ในการรักษาสุขภาพ คือ วันละ 50-100 มิลลิกรัม แต่ในกรณีที่ใช้บำบัดโรค ต้องใช้ขนาดสูงถึงวันละ 150-300 มิลลิกรัม
ตามปกติร่างกายของเราจะมีการเสื่อมอยู่ตลอดเวลา แต่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น พืชผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 นาที โดยเลือกชนิดตามความเหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณ เช่น เดินเร็ว แอโรบิก ฯลฯ และหลีกเหลี่ยงสารพิษ เช่น ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ อยู่ในที่มีอากาศบริสุทธิ์ ทำให้จิตใจผ่องใส ไม่เครียด ไม่อิจฉาริษยา ฯลฯ ก็เป็นหนทางในการหลีกเลี่ยงจากอนุมูลอิสระที่ทำให้ท่านแก่ก่อนวัยอันควรได้ ซึ่งการออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนอย่างเพียงพอ ร่างกายคุณจะสามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนติออกซิแดนท์ได้
แต่ถ้าคุณเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะแก่เร็ว เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ทานอาหารหวาน และไขมันสูง ทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย อยู่ที่แออัด ขาดสุขลักษณะ มีมลภาวะของอากาศสูง ผู้สูงอายุที่มีโรคแทรกซ้อน เช่น โรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ มีระบบการย่อยอาหารไม่ดี ฯลฯ ท่านก็ควรพยายามลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ข้างต้นโดยกรเสริมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพืชผักผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินซี อี เอ ซีลีเนียม เช่น ส้ม มะเขือเทศ แครอท มะนาว กะหล่ำปลี บร็อกโคลี่ นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง ฯลน ก็จะเป็นการดีที่สุด เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ใครๆ มาว่าให้ท่านช้ำใจว่า “แก่เกินวัย” หรือถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้สารสกัดจากเมล็ดองุ่นก็ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนการตัดสินใจ เพื่อผลคุ้มค่าที่ท่านจะได้รับ
ที่มาความรู้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Fanpage Me Love collagen
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1126160650744140&id=249167131776834&substory_index=0
loading...