ความพิเศษของเนื้อวัว Company B อดีตนักร้องดัง เผยว่า ใช้วิธีDry Ageบ่มเนื้อนาน 30 วัน ในห้องเย็นขนาดใหญ่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ ประมาณ 0-4 องศาเซลเซียส เช็คเนื้อตลอดทุกๆ 2 ชั่วโมง ระยะเวลาการบ่มเนื้อดังกล่าวถูกคิดค้นจากทีมงานแล้วว่า ทั้งกลิ่น และTexture หรือเนื้อสัมผัสนุ่มและเข้มข้นเหมาะกับลิ้นของคนไทยมากที่สุด
แต่ทว่าปัจุบันในประเทศไทยมีคนนำวิธีการบ่มเนื้อดังกล่าวมาใช้กับวัวสัญชาติไทยนับเป็นเจ้าแรกในประเทศก็ว่าได้คนๆนั้นก็คืออดีตนักร้องนำวง ซิลลี่ ฟูลส์คุณวีรชน ศรัทธายิ่ง หรือโต ชายหนุ่มวัย 40 ปีต้นๆ ผู้เขย่าวงการคนรักเนื้อพร้อมท้าให้ลิ้มลองกันแล้ว
ศึกษา “เนื้อวัว” จริงจัง ทุ่มสุดตัวทำธุรกิจ
คุณโต เผยว่า หลังแขวนไมค์แล้วหันไปทำประโยชน์ให้กับสังคม พร้อม ๆ กับเผยแพร่ศาสนาอิสลามเมื่อ 2 ปีที่แล้วเริ่มต้นทำธุรกิจเนื้อวัว “Dry Age"ภายใต้แบรนด์ "Company B" โดยมีหุ้นส่วนคุณนภศูล รามบุตร หรือคุณตาล เป็นอดีตนายธนาคาร
คุณโต ขยายความเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวชอบทานเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อวัว เมนูที่ชอบคือ “สเต็ก” แต่ทว่าเนื้อวัวดีๆ ค่อนข้างหายาก ไปจ่ายตลาดทีไรมักเจอแต่เนื้อเหนียวๆ ครั้งนึงเคยไปทานผัดกระเพราเนื้อที่ออส เตเรียรู้สึกอร่อยมากจำได้ไม่ลืม นั่นเป็นเพราะใช้เนื้อคุณภาพดี ปรุงเป็นเมนูอะไรก็อร่อย
จากความชอบทานเนื้อเป็นเหตุผลให้คุณโตทำเป็นธุรกิจ ชายหนุ่ม บอกว่า ภายหลังที่เลิกทำงานในวงการบันเทิง ก็หันมาศึกษาเรื่องเนื้อวัว อยากจะ set-up ฟาร์มวัว ทำอะไรที่เกี่ยวกับเนื้อวัวอย่างจริงจังเก็บข้อมูลอยู่นาน 2 ปี กระทั่งเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว (ต้นปี 2558) ธุรกิจก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างใช้เงินลงทุนไปนับ 10 ล้านบาท
“ฟาร์มวัว เป็นโปรเจคที่ใหญ่เกินไป ผมเลยหันมาสร้างโรงงานขนาด 300 ตารางวา ประกอบด้วยห้องเย็นไว้ชำแหละวัว สร้างโรงบ่มเนื้อ และห้องแพจเกจจิ้ง เลือกใช้วัวนมรับจากจังหวัดสระบุรีภายใต้ชื่อแบรนด์สินค้าว่า Company Bตัว B ของ Company B นั้นเป็นตัวย่อมาจากคำว่าBarakahมีความหมายว่าพระพรในภาษาอาหรับ”
พิถีพิถัน ใส่ใจสุดๆ มีทั้งวัว และแกะ
สำหรับความพิเศษของเนื้อวัว Company B อดีตนักร้องดัง เผยว่า ใช้วิธีDry Ageบ่มเนื้อนาน 30 วัน ในห้องเย็นขนาดใหญ่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ ประมาณ 0-4 องศาเซลเซียส เช็คเนื้อตลอดทุกๆ 2 ชั่วโมง ระยะเวลาการบ่มเนื้อดังกล่าวถูกคิดค้นจากทีมงานแล้วว่า ทั้งกลิ่น และTexture หรือเนื้อสัมผัสนุ่มและเข้มข้นเหมาะกับลิ้นของคนไทยมากที่สุด เพราะเนื้อยิ่งบ่มนาน ยิ่งมีกลิ่นและเนื้อสัมผัสที่เฉพาะตัวเหมือนชีส ซึ่งเนื้อวัว 1 กิโลกรัม หลังจากบ่มแล้วจะเหลือเพียงครึ่งกิโลกรัมเท่านั้น
ในส่วนของเนื้อวัวที่คุณโตเลือกใช้ เขาใช้ 3 ส่วน ได้แก่ “เนื้อสันนอก” ค่อนข้างจะเหมาะคนที่ชอบเนื้อที่ไขมันน้อย รสชาติเข้มข้น ต่อมา “เนื้อสันใน” เนื้อบริเวณนี้มีความนุ่ม รสละมุน และไขมันน้อย ส่วนสุดท้ายก็คือ "ริบอาย” Rib Eye เนื้อนุ่ม มีไขมันแทรกเข้าไปทุกอณูของเนื้อ แต่ละวันเชือดวัววันละ 7 ตัว หรือราว 1.5 ตัน หลังจากบ่มแล้วเหลือจำหน่ายเพียง 100 กิโลกรัม ราคาขายเริ่มต้นกิโลกรัมละ 850-1,300 บาท ส่วนที่ไม่ใช้จะส่งขายให้รายย่อย และนอกจากเนื้อวัวแล้วยังมีเนื้อลูกแกะDry Ageบ่มนาน5-7วันจำหน่ายอีกด้วย
ด้านสเปกวัวที่เจ้าของกิจการเลือกใช้ เขาใช้วัวนมอายุ 5 ปีขึ้นไป ชนิดว่ายิ่งแก่ยิ่งดี ส่วนลูกแกะอายุ 4 เดือนพึ่งหย่านมแม่ไม่มีกลิ่นสาบ รับจากภาคกลาง และกว่าจะมาเป็นเนื้อคุณภาพ ของ "Company B"คุณโตและเหล่าทีมงานเคยเจ๊ง ทำเนื้อวัวเสีย เน่าไปประมาณ 60 ตัวกว่าจะค้นพบวิธีการควบคุมเนื้อดังกล่าว
ปรุงเมนูอะไรก็อร่อย ลูกค้าติดใจไม่พอขาย
สำหรับกลุ่มลูกค้า ชายหนุ่ม บอกว่า ตอนแรกตั้งเป้าขายลูกค้าต่างชาติ นักท่องเที่ยว แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศ เปลี่ยนแนวคิดใหม่หันมาสนใจตลาดคนไทย กลุ่มมีกำลังซื้อสูง ช่องทางจำหน่ายเปิดหน้าร้านในแผนก Butchery ของ Gourmet Market ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ส่งตามร้านอาหาร และกระจายสินค้าผ่านดีลเลอร์ไปต่างจังหวัด ราว 10 ราย
“ผมเชื่อว่าเนื้อที่ดีทำอาหารเมนูอะไรก็อร่อย ลูกค้าที่ซื้อไปปรุงเมนูได้หลากหลายมาก อาทิ สเต๊ก ย่างเกลือ ทำอาหารญี่ปุ่น ลาบ น้ำตก แฮมเบอร์เกอร์ เนื้อบด ผัดกระเพรา สปาเก็ตตี้ ฯลฯ บางคนกินสดๆ เลยก็มี”
การที่คุณโตศึกษาเรื่องเนื้อเยอะมาก เขา ระบุว่า ตั้งใจทำธุรกิจนี้ให้ดีที่สุด ทำในสิ่งที่รักโดยอยู่ภายใต้จรรยาบรรณและอุดมการณ์ ไม่ยึดติดตัวเงิน ทำสินค้าคุณภาพดีเสมอต้นเสมอปลาย ใช้ใจมัดลูกค้า เพราะการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จรอฟลุ๊คคงลำบาก
“ผมหวังว่าเนื้อวัวของ Company B คุณภาพและรสชาติสามารถสู้เนื้อนำเข้าจากต่างประเทศได้แน่ๆ เพราะกว่าเนื้อจากเมืองนอกจะนำเข้ามาใช้เวลานาน พอเก็บนานเป็นไปได้ที่เนื้อก็จะไม่สด รสชาติยังไงก็ต้องลดลง”
ใครอยากลองรับประทานเนื้อบ่ม ไปชิมกันที่แผนก Butchery ของ Gourmet Market ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ติดตามข้อมูลของร้าน www.facebook.com/pages/Company-B หรือ www.companyb.co.th
ดวงกมล (เรื่อง-ภาพ)
ที่มา : นิตยสารเส้นทางเศรษฐี