Wednesday, August 19, 2015

ปลูกพริกดีกว่าทำนา ได้ 5 หมื่นบาทต่อไร่ ไม่ต้องม็อบ


เกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ เปลี่ยนจากการปลูกข้าว ไปปลูกพริกแทน เนื่องจากได้ราคาผลผลิตต่อไร่สูงถึง 5 หมื่นบาทและเก็บเกี่ยวได้ทุก 3 เดือน

คุณศิวัชดนัย เอกอุ่น วีรีพอร์ตจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานเกษตรกรในจังหวัดกาฬสินธุ์ เปลี่ยนจากการปลูกข้าว ไปปลูกพริกแทน เนื่องจากได้ราคาผลผลิตต่อไร่สูงถึง 5 หมื่นบาทและเก็บเกี่ยวได้ทุก 3 เดือน 
--
เกษตรกรที่บ้านหนองทุ่ม ตำบลบึงวิชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ ประมาณ 300 ครัวเรือน เป็นกลุ่มเกษตรกรที่ไม่ประสบปัญหาเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำ หรือปัญหาราคารับจำข้าว เนื่องจากพวกเขาหันมาปลูกพริกจำหน่ายแทน ซึ่งเป็นพืชที่มีระยะเวลาการเพาะปลูกเพียง 3 เดือน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตไปจำหน่ายได้ 

โดยทุกวันนี้ พวกเขามีรายได้สูงถึงไร่ ละ 50,000 บาท เนื่องจากปัจจุบัน มีราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท พวกเขาจึงแนะนำว่า เกษตรกรที่ปลูกข้าวควรแบ่งพื้นที่ทำนาบางส่าวน มาปลูกพริกเพิ่มเติม เพื่อเลี่ยงปัญหาภัยแล้ง ต้นทุนการผลิตที่สูง ทั้งราคาน้ำมันแพง ค่าปุ๋ย และค่าแรงที่แพงขึ้น ซึ่งไม่คุ้มกับการลงทุน

 เนื่องจากพริกสดยังมีลู่ทางในตลาดที่สดใส ราคาดี สามารถจำหน่ายได้ตลอดปี ที่ผ่านมา มีราคากิโลกรัมละ 20 บาท แต่ปัจจุบันราคากิโลกรัมละ 50 บาท บางช่วงพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 90 บาท และยังมีแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ โดยแต่ละวันเกษตรกร จะเก็บผลผลิตได้ประมาณ 50 กิโลกรัม หรือเท่ากับมีรายได้ประมาณ 2,500 บาทต่อวัน จึงเป็นอาชีพ ที่สร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน แก้ไขปัญหาการว่างงาน และป้องกันการอพยพแรงงานในหน้าแล้งได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญไม่ต้องไปชุมนุมประท้วงเรื่องราคาพืชผลตกต่ำที่หน้าทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย

เนื่องจากพริกสดยังมีลู่ทางในตลาดที่สดใส ราคาดี สามารถจำหน่ายได้ตลอดปี ที่ผ่านมา มีราคากิโลกรัมละ 20 บาท แต่ปัจจุบันราคากิโลกรัมละ 50 บาท บางช่วงพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 90 บาท และยังมีแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ โดยแต่ละวันเกษตรกร จะเก็บผลผลิตได้ประมาณ 50 กิโลกรัม หรือเท่ากับมีรายได้ประมาณ 2,500 บาทต่อวัน จึงเป็นอาชีพ ที่สร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน แก้ไขปัญหาการว่างงาน และป้องกันการอพยพแรงงานในหน้าแล้งได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญไม่ต้องไปชุมนุมประท้วงเรื่องราคาพืชผลตกต่ำที่หน้าทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย

--การปลูกและดูแลรักษาพริก

การเตรียมดินแปลงปลูก
                พริกสามารถปลูกได้ดีในดินเกือบทุกชนิด แต่ควรเป็นดินร่วนที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการระบายน้ำดี ควรไถดินตากไว้ 7-10 วัน ควรใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก อัตรา 3-4 ตัน/ไร่ ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 และควรใส่ปูนขาวหรือปูนมาร์ล เพื่อลดความเป็นกรดของดิน

การเพาะกล้า
                ควรเพาะเมล็ดเป็นต้นกล้าในกระบะเพาะก่อน โดยห่อเมล็ดในถุงผ้า และแช่น้ำไว้ 1 คืนหรือแช่สารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น เบนเลท จากนั้นนำไปล้างผ่านน้ำไหลอย่างน้อย 30 นาที เก็บถุงผ้าไว้ในที่ร่มและชื้นอีก 2-3 วัน เมื่อเมล็ดงอกตุ่มรากสีขาวเล็กๆแล้วจึงนำไปเพาะ

ใช้เมล็ด 50 กรัม/ไร่  ผลผลิต 6-7 ตัน/ไร่

=การปลูก
                ควรปลูกให้มีระยะห่างระหว่างต้น 50 ซม. ระหว่างแถว 70 ซม. ปลูกเป็นแถว ในเขตชลประทานควรยกแปลงให้ให้มีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาวประมาณ 20 เมตร มีร่องทางเดินกว้าง 1 เมตร ร่องน้ำกว้าง 50 ซม.

การใส่ปุ๋ย
·       ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 พร้อมกับการเตรียมหลุมปลูกในอัตรา 20 กิโลกรัม/ไร่
·       เมื่อต้นกล้าตั้งตัวหลังย้ายปลูกแล้ว ใส่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) อัตรา 25 กก./ไร่
·       หลังปลูก 30 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 25 กก./ไร่
·       และใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 อัตรา 50กก./ไร่ เมื่อเริ่มติดผลอ่อนหรืออายุ 60 วัน หลังย้ายกล้า

การป้องกันกำจัดแมลง
                ควรใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อราคลุกเมล็ดก่อนปลูก เมื่อพบโรคระบาดให้ฉีดพ่นด้วยสาร เบนเลท หรือ ไดโฟลาแทน แมลงศัตรูที่สำคัญคือ เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน ฉีดพ่นป้องกันกำจัดทุกๆ 7 วัน ด้วยสาร แลนแนท โตกุไธออน หรือ สารสกัดจากเมล็ดสะเดา ส่วนไรขาวให้ฉีดพ่นด้วยกำมะถันผง ในการฉีดพ่นสารเคมีทุกครั้งควรเสริมปุ๋ยทางใบด้วย

การเก็บเกี่ยว
                อายุเก็บเกี่ยวพริกช่อ ประมาฯ 90-105 วัน หลังย้ายกล้า สามารถเก็บผลผลิตได้มากกว่า 10 ครั้ง
loading...